แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 17
1
ผักและสมุนไพรรักษาโรคเบาหวานได้จริงหรือ ?

พืชผักสมุนไพรหลากหลายชนิดที่กล่าวกันว่ามีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด มีคุณประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งก็มีงานวิจัยบางส่วนที่ศึกษาว่าผักและสมุนไพรรักษาเบาหวานได้จริง อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นพืชผักใกล้ตัวที่หารับประทานได้ง่าย จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ป่วยโรคนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

สมุนไพรรักษาเบาหวาน

เบาหวาน (Diabetes) โรคเรื้อรังที่จะส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินหรือใช้อินซูลิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนในกระแสเลือดที่คอยช่วยดูดซึมน้ำตาลในเลือดไปเป็นพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย เมื่อเกิดความผิดปกตินี้ขึ้นจึงทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงและสร้างความเสียหายต่ออวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย การควบคุมระดับน้ำตาลให้คงที่จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน ซึ่งนอกจากการรับประทานยาและการปฏิบัติตัวเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลแล้ว สมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยลดน้ำตาลในเลือดทั้งหลายก็ยังได้รับความสนใจและมีการสรรหามารับประทานกันอย่างหลากหลาย

1. มะระ ผักที่ขึ้นชื่อว่ามีประโยชน์สารพัดและยังถูกนำมาใช้เป็นยารักษาอาการป่วยต่าง ๆ มาอย่างยาวนาน รวมถึงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยในมะระประกอบไปด้วยสารที่มีคุณสมบัติช่วยต้านเบาหวานอย่างน้อย 3 ชนิด คือ คาแรนติน (Charantin) ที่พบว่าช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลงได้ ส่วนอีก 2 ชนิดได้แก่ สารไวซีน (Vicine) และสารโพลีเพปไทด์พี (Polypeptide-p) ซึ่งเป็นสารที่ทำหน้าที่คล้ายอินซูลิน นอกจากนี้ยังมีโปรตีนเลคติน (Lectin) ที่สามารถลดความเข้มข้นของน้ำตาลในเลือดลง โดยเชื่อว่าสารนี้เป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงหลังจากการรับประทานมะระเข้าไป

สำหรับข้อยืนยันทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับคุณสมบัติของมะระต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดนั้น มีการศึกษาถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยของมะระตระกูลหนึ่งคือมะระขี้นก เปรียบเทียบกับยาเมทฟอร์มิน (Metformin) ซึ่งเป็นยาลดน้ำตาลสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยแบ่งกลุ่มทดลองเป็น 4 กลุ่ม ให้รับประทานมะระวันละ 500 กรัม 1,000 กรัม และ 2,000 มิลลิกรัม/วัน ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสุดท้ายให้ใช้ยาเมทฟอร์มินในปริมาณ 1,000 มิลลิกรัม/วัน เป็นเวลาทั้งหมด 4 สัปดาห์ ผลการทดสอบพบว่ากลุ่มที่รับประทานมะระวันละ 2,000 มิลลิกรัม/วัน มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลงอย่างชัดเจน แต่เมื่อเทียบกับการใช้เมทฟอร์มินแล้ว ประสิทธิภาพในการรักษาของมะระยังมีน้อยกว่า อย่างไรก็ดี งานวิจัยเก่า ๆ บางงานเองก็กล่าวว่าการรับประทานมะระน่าจะมีความเกี่ยวโยงกับการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ผลการศึกษาที่เป็นไปในทางตรงกันข้ามก็มีเช่นกัน เช่น งานวิจัยหนึ่งศึกษากลุ่มผู้ทดลองอายุ 18 ปีขึ้นไปที่เพิ่งได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 หรือมีพฤติกรรมการควบคุมระดับน้ำตาลที่ไม่ดี โดยให้รับประทานแคปซูลมะระหลังมื้ออาหารวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 2 เม็ด เป็นเวลา 3 เดือนเพิ่มเติมจากยารักษาเบาหวานที่ใช้อยู่ ผลลัพธ์พบว่า เมื่อเทียบกับยาหลอก แคปซูลมะระอาจส่งผลต่อการลดระดับน้ำตาลในเลือดเพียงเล็กน้อย จึงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับคุณประโยชน์ด้านนี้ของมะระ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ายังต้องมีการศึกษาที่มีรูปแบบรัดกุมและน่าเชื่อถือเพียงพอมากกว่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อทราบถึงประโยชน์ของมะระที่น่าจะเป็นผลดีต่อการรักษาโรคเบาหวานดังนี้แล้ว หลายคนคงต้องการลองรับประทานสมุนไพรทางเลือกชนิดนี้ดู ซึ่งก็อาจไม่เสียหายอะไรหากมีการปรึกษาถึงความปลอดภัยในการใช้กับแพทย์แล้ว เนื่องจากมะระอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงดังต่อไปนี้

    การรับประทานมะระอาจไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ เนื่องจากพบว่าสารบางชนิดในผลหรือเมล็ดของมะระอาจสามารถทำให้มีเลือดประจำเดือนผิดปกติและเกิดการแท้งลูกได้ ส่วนหญิงที่ให้นมบุตรก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจะเป็นอันตรายต่อทารกหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยจึงควรหลีกเลี่ยงจะเป็นการดีที่สุด
    ไม่ควรรับประทานมะระเป็นอาหารเกินกว่า 55 กรัมโดยประมาณ หรือเทียบเป็นมะระขี้นกจำนวน 2 ลูกต่อวัน เพราะการรับประทานมากเกินอาจทำให้เกิดอาการปวดท้องอ่อน ๆ หรือท้องเสียได้
    ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการใช้มะระในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่าการรับประทานมะระควบคู่กับยารักษาโรคเบาหวานที่ใช้อยู่จะปลอดภัย เพราะการรับประทานทั้งยารักษาโรคเบาหวานและมะระอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำจนเกินไป ควรรับประทานอย่างระมัดระวังและหมั่นตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดอยู่เสมอ
    การรับประทานมะระที่มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดร่วมกับสมุนไพรหรือพืชชนิดอื่น ๆ ที่มีคุณสมบัติเดียวกันนี้อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงต่ำจนเป็นอันตรายได้เช่นเดียวกัน ได้แก่ กระเทียม เมล็ดลูกซัด โสม กรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha-lipoic acid) โครเมียม (Chromium) กัวร์กัม (Guar gum) ยาไซเลียม (Psyllium) และอื่น ๆ
    ผู้ป่วยด้วยภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD หรือที่เรียกว่าโรคแพ้ถั่วปากอ้า โดยเป็นโรคที่คาดว่าจะทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ปวดศีรษะ มีไข้ ปวดท้อง และถึงขั้นเกิดภาวะโคม่าได้ในบางราย อาจเกิดอาการแพ้เช่นเดียวกันนี้หลังจากรับประทานเมล็ดของมะระ เพราะมีการศึกษาพบว่าในเมล็ดมะระมีสารคล้ายกันกับสารที่พบในถั่วปากอ้า
    มะระอาจส่งผลต่อการควบคุมน้ำตาลในเลือดระหว่างการผ่าตัดหรือหลังรับการผ่าตัดได้ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดใด ๆ จึงควรงดรับประทานมะระเป็นเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์


2. อบเชย เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่หาได้ง่ายในไทย นอกจากประโยชน์ในด้านการปรุงอาหาร ยังกล่าวกันว่ามีส่วนช่วยในการรักษาโรคเบาหวานได้ด้วย ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าอบเชยมีคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและการรักษาผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยมีหลายงานวิจัยในห้องปฏิบัติการที่ชี้ว่าอบเชยจะช่วยเพิ่มตัวรับอินซูลินที่มีหน้าที่ดึงกลูโคสไปเป็นพลังงานยังเซลล์ต่าง ๆ ได้มากขึ้น และอาจช่วยกระตุ้นความไวต่ออินซูลิน

การทดลองชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันความคิดข้างต้น คือการศึกษาโดยใช้กลุ่มผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ทั้งหมด 60 คน เป็นชาย 30 คน และหญิง 30 คน แบ่งกลุ่มให้รับประทานอบเชยวันละ 1 กรัม 3 กรัม และ 6 กรัมทุกวัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกเป็นเวลา 40 วัน ผลปรากฏว่าการรับประทานอบเชยในปริมาณ 1 กรัม 3 กรัม หรือ 6 กรัม ต่างช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี และคอเลสเตอรอลโดยรวมของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 โดยพบว่าสารโครเมียมและโพลีฟีนอลในอบเชยจะช่วยกระตุ้นการทำงานของอินซูลินให้ดีขึ้น

อย่างไรก็ดี ผลการทบทวนและวิเคราะห์การศึกษาทางคลินิกจำนวน 10 ชิ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือชนิดที่ 2 อย่างเป็นระบบในปี 2012 ยังชี้ว่าอบเชยไม่อาจช่วยลดระดับกลูโคสหรือระดับน้ำตาลสะสมในเลือดซึ่งเป็นการตรวจวัดค่าในระยะยาวได้

จากข้อสรุปข้างต้น จึงยังไม่อาจรับรองถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยในการใช้อบเชยช่วยรักษาหรือป้องกันโรคเบาหวาน รวมทั้งสรรพคุณต่อโรคใด ๆ หากเลือกใช้จึงควรระมัดระวังเช่นเดียวกับการใช้สมุนไพรอื่น ๆ ซึ่งข้อควรระวังในการรับประทานอบเชยที่ควรทราบมีดังนี้

    ควรต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งก่อนเริ่มใช้อาหารเสริมจากอบเชยหรือเพิ่มอบเชยลงในมื้ออาหาร
    การรับประทานอบเชยถือว่าปลอดภัยหากใช้ในช่วงสั้น ๆ และปริมาณไม่มากจนเกินไป แต่ในบางคนก็อาจมีอาการแพ้ได้
    ไม่ควรใช้อบเชยรักษาแทนการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน หรือใช้รักษาไปก่อนโดยไม่รับการตรวจรักษาที่ถูกต้องจากแพทย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ป่วยด้วยโรคเบาหวาน
    ผู้ป่วยโรคตับไม่ควรรับประทานอบเชยชนิดแคสเซีย (Cassia Cinnamon) ซึ่งจะประกอบด้วยสารคูมาริน (Coumarin) มากน้อยแตกต่างกันไปไม่คงที่ การได้รับสารนี้ในปริมาณมากอาจส่งผลให้โรคตับที่เป็นอยู่แย่ลง แม้ว่าในอบเชยชนิดนี้ส่วนใหญ่จะไม่มีสารคูมารินมากพอที่จะทำให้ได้รับอันตรายได้ก็ตาม


3. เมล็ดลูกซัด เป็นสมุนไพรที่คุ้นเคยกันดีเกี่ยวกับสรรพคุณที่อาจช่วยเพิ่มน้ำนมให้คุณแม่ และยังมีการแนะนำว่าน่าจะมีประสิทธิภาพต่อการรักษาเบาหวานได้ดีเช่นกัน เนื่องจากในเมล็ดลูกซัดนี้ประกอบไปด้วยเส้นใยที่สามารถละลายได้ ซึ่งอาจช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงด้วยการไปชะลอกระบวนการย่อยและดูดซึมคาร์โบไฮเดรตให้ช้าลง ทั้งยังมีกลไกเช่นเดียวกับอบเชยในการช่วยกระตุ้นตัวรับอินซูลินในร่างกายให้สามารถดึงน้ำตาลกลูโคสไปเป็นพลังงานให้เซลล์ได้มากขึ้น

งานวิจัยหลายชิ้นอาจช่วยยืนยันประสิทธิภาพในการเป็นยาต้านเบาหวานของเมล็ดลูกซัดได้ ยกตัวอย่างการทดลองหนึ่งที่ให้กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 69 คนที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของตัวเองได้ไม่ดี รับประทานแคปซูลเมล็ดลูกซัดครั้งละ 6 เม็ด วันละ 3 ครั้ง นาน 12 สัปดาห์ เทียบกับอีกกลุ่มที่ให้ยาหลอก ผลลัพธ์พบว่าเมล็ดลูกซัดสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ อีกงานวิจัยหนึ่งที่ทดลองกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน 24 คน โดยรับประทานเมล็ดลูกซัดผสมกับโยเกิร์ต หรือเมล็ดลูกซัดแบบแช่ในน้ำร้อนเป็นเวลาติดต่อนาน 8 สัปดาห์ ปรากฏว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานเมล็ดลูกซัดผสมโยเกิร์ต การรับประทานเมล็ดลูกซัดแบบแช่ในน้ำร้อนส่งผลให้ค่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารลดลงมากพอสมควร ทว่างานวิจัยทั้ง 2 ชิ้นนี้เป็นเพียงการทดลองในกลุ่มคนจำนวนไม่มากและมีระยะเวลาในการทดลองเพียงไม่นาน จึงยังไม่สามารถนำมาสรุปผลการรักษาได้อย่างชัดเจน

สำหรับการใช้เมล็ดลูกซัดเพื่อช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดนั้น สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (NIH) แนะนำว่าขณะนี้การศึกษาเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของเมล็ดลูกซัดในการลดระดับน้ำตาลในเลือดยังไม่เพียงพอที่จะเชื่อถือได้ จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

อย่างไรก็ดี หากต้องการลองใช้เมล็ดลูกซัด ก็ควรคำนึงถึงข้อระมัดระวังในการรับประทาน ดังนี้

    เช่นเดียวกันกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องการลองใช้เมล็ดลูกซัดช่วยรักษา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัยในการใช้ เพราะการใช้เมล็ดลูกซัดที่มีคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดอยู่แล้วควบคู่กับยารักษาโรคเบาหวานอาจยิ่งทำให้น้ำตาลในเลือดลดต่ำจนเกิดอันตรายได้ จึงควรมีการปรับลดปริมาณการใช้ยาโดยแพทย์ก่อน
    ไม่ควรใช้เมล็ดลูกซัดรักษาอาการป่วยใด ๆ แทนการรักษาทางแพทย์แผนปัจจุบัน ควรเข้ารับการตรวจรักษากับแพทย์เป็นอันดับแรก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน
    อย่ารับประทานเมล็ดลูกซัดขณะกำลังตั้งครรภ์ เพราะอาจส่งผลให้เกิดการบีบรัดตัวของมดลูก
    ยังไม่มีข้อมูลยืนยันถึงความปลอดภัยในการรับประทานสมุนไพรชนิดนี้ระหว่างการให้นมบุตร
    การรับประทานเมล็ดลูกซัดอาจส่งผลคล้าย ๆ กับการเกิดฮอร์โมนเอสโตรเจนในร่างกาย ทำให้ไม่ปลอดภัยสำหรับหญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งที่มีความไวต่อฮอร์โมน
    เมล็ดลูกซัดอาจมีผลข้างเคียงเป็นอาการท้องเสีย ปัสสาวะเป็นกลิ่นคล้ายเมเปิล มีน้ำนมไหลออกจากเต้า มีเหงื่อออก และทำให้โรคหืดที่เป็นอยู่มีอาการที่แย่ลงได้


4. ตำลึง พืชผักสวนครัวไม้เลื้อยใกล้ตัวชนิดนี้เชื่อว่ามีสรรพคุณเป็นยาต้านเบาหวานเช่นกัน สำหรับกลไกในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของตำลึงแม้จะยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่จากการศึกษาพบว่าในตำลึงประกอบด้วยสารที่มีคุณสมบัติคล้ายกับฮอร์โมนอินซูลิน และจะช่วยหยุดยั้งการทำงานของเอนไซม์บางชนิดที่มีส่วนร่วมในการผลิตกลูโคสขึ้นมา การรับประทานตำลึงจึงอาจมีส่วนช่วยลดปริมาณน้ำตาลในเลือดให้ต่ำลง

งานวิจัยชิ้นหนึ่งศึกษาเกี่ยวกับคุณประโยชน์ของตำลึงในการลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โดยทดลองกับผู้ป่วยจำนวน 60 คน อายุ 35-60 ปี กลุ่มหนึ่งรับประทานสารสกัดจากตำลึงวันละ 1 กรัม อีกกลุ่มรับประทานยาหลอกเป็นเวลา 90 วัน ผลลัพธ์พบว่าสารสกัดจากตำลึงมีประสิทธิภาพในการช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานลดลง

เช่นเดียวกับงานวิจัยอีกงานหนึ่งที่ใช้ใบตำลึงสดปริมาณ 20 กรัมมาทำเป็นสลัด ผสมมะพร้าวขูดและเกลือ รับประทานเป็นอาหารเช้า แล้วทดสอบระดับน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นในเลือดโดยใช้กลูโคส 75 กรัม ผลการทดลองชี้ว่าตำลึงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ อย่างไรก็ตาม การศึกษาเกี่ยวกับคุณสมบัติด้านนี้ของตำลึงในปัจจุบันยังถือว่าน้อยมาก จำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไปในอนาคต

การรับประทานตำลึงอาจไม่อันตรายต่อคนปกติทั่วไป หากรับประทานติดต่อกันไม่เกิน 6 สัปดาห์ ส่วนการรับประทานในระยะเวลาที่นานกว่านี้ยังไม่มีการยืนยันถึงความปลอดภัย ผู้ที่ต้องการใช้ตำลึงเป็นทางเลือกหนึ่งของการรักษาโรคเบาหวานหรือโรคใด ๆ ควรระมัดระวังถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นต่อไปนี้

    หญิงที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน เพราะยังไม่มีข้อมูลที่เชื่อถือเพียงพอที่รับรองได้ว่าจะไม่ทำให้เกิดอันตราย
    เนื่องจากตำลึงอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงเกินกว่าปกติ ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงควรระวังในการใช้เป็นอย่างยิ่งหากใช้ควบคู่กับยารักษาโรคเบาหวาน และต้องปรึกษาแพทย์ก่อนลองใช้สมุนไพรชนิดนี้
    หากต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานตำลึงก่อนอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพราะคุณสมบัติลดน้ำตาลในเลือดอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยในระหว่างและหลังรับการผ่าตัดได้


5. กระเทียม พืชสวนครัวหน้าตาคุ้นเคยชนิดนี้ นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าอุดมไปด้วยสารต่าง ๆ มากกว่า 400 ชนิด ซึ่งหลาย ๆ ชนิดมีส่วนช่วยป้องกันและรักษาโรคต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย รวมทั้งสารอัลลิซิน (Allicin)

สารอัลลิลโปรปิลไดซัลไฟท์ (Allyl Propyl Disulfide) และสารอัลลิลซิสเตอีน ซัลฟอกไซด์ (S-allyl Cysteine Sulfoxide) ที่จะกระตุ้นให้ระดับอินซูลินในเลือดสูงขึ้น และทำให้ร่างกายนำอินซูลินเหล่านี้ไปใช้ได้มากขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2

สำหรับข้อยืนยันทางวิทยาศาสตร์ มีงานวิจัยเผยว่าการรับประทานกระเทียมในปริมาณที่เหมาะสมอาจช่วยให้ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ลดลง ไม่ว่าจะเป็นกระเทียมดิบ กระเทียมที่นำมาปรุงในอาหาร หรือสารสกัดจากกระเทียม

นอกจากนี้ อีกงานวิจัยยังชี้ว่ากระเทียมอาจใช้รักษาร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานได้ดี โดยในการศึกษาเกี่ยวกับใช้กระเทียมร่วมกับยารักษาโรคเบาหวานอย่างเมทฟอร์มิน (Metformin) ในผู้ป่วยเบาหวานเป็นเวลา 12 สัปดาห์ ปรากฏว่ากระเทียมและเมทฟอร์มินช่วยลดค่าระดับน้ำตาลในเลือดหลังอดอาหารได้ดีกว่าการใช้เมทฟอร์มินอย่างเดียว สอดคล้องกับบางงานวิจัยที่แนะนำว่าการรับประทานผลิตภัณฑ์บางชนิดจากกระเทียมควบคู่ไปกับยาต้านเบาหวานเป็นเวลา 4-24 สัปดาห์สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับคอเลสเตอรอล และไขมันไตรกลีเซอร์ไรด์ในผู้ป่วยเบาหวานลงได้

อย่างไรก็ตาม จากการทบทวนงานวิจัยต่าง ๆ ในปัจจุบันยังให้ข้อสรุปว่ากระเทียมไม่น่ามีส่วนช่วยลดระดับน้ำตาลหรือคอเลสเตอรอลในเลือด ไม่ว่าจะกับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่ไม่ได้ป่วยด้วยโรคเบาหวาน ประสิทธิภาพของกระเทียมในการรักษาโรคเบาหวานจึงต้องรอให้มีการวิจัยที่ยืนยันได้อย่างชัดเจนกว่าในตอนนี้

ทั้งนี้ การบริโภคกระเทียมโดยทั่วไปจะสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยแต่ก็อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงกับบางคนได้ เพื่อความปลอดภัยควรรับประทานแต่พอดีและคำนึงถึงความปลอดภัยในกรณีต่อไปนี้

    การรับประทานกระเทียมอาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดกลิ่นปากและกลิ่นตัว ท้องเสีย หรือรู้สึกแสบร้อนกลางอก ซึ่งอาการจะรุนแรงกว่าหากรับประทานกระเทียมสด และในบางรายอาจมีอาการแพ้เกิดขึ้นได้
    การรับประทานกระเทียมอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการมีเลือดออก หากมีการใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน หรือต้องเข้ารับการผ่าตัดใด ๆ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบว่ากำลังใช้หรือคิดว่าจะรับประทานกระเทียมเสริมเพื่อช่วยรักษาอาการเจ็บป่วยบางชนิด
    กระเทียมอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาบางชนิด เช่น ยารักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีอย่างซาควินาเวียร์ (Saquinavir)
    เช่นเดียวกับสมุนไพรหรือพืชผักชนิดอื่นที่มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อยากลองใช้กระเทียมจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มใช้เพื่อให้แน่ใจว่าจะปลอดภัยและทราบถึงคำแนะนำการใช้ที่ถูกต้อง


ความปลอดภัยในการใช้สมุนไพรทางเลือกรักษาโรคเบาหวาน

ในปัจจุบัน การนำพืชสมุนไพรต่าง ๆ มาใช้ในการรักษาโรคเบาหวานนั้นไม่ได้มีการรับรองทางการแพทย์ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้ และแม้ว่าจะมีคุณสมบัติช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้จริง แต่สมุนไพรหรืออาหารเสริมที่รับประทานเข้าไปอาจทำปฏิกิริยากับยารักษาเบาหวานที่แพทย์สั่งจ่าย หรือยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงจนถึงขีดอันตรายและเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาในที่สุดได้

ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจลองใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมทางเลือกใด ๆ ในการรักษาเบาหวาน รวมถึงโรคชนิดใดก็ตาม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรึกษาแพทย์เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยและทราบถึงปริมาณการใช้ที่เหมาะสม

สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ แต่มีความวิตกกังวลหรือสงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ ควรต้องเข้ารับการตรวจรักษากับแพทย์เท่านั้น ไม่ควรลองใช้สมุนไพรหรืออาหารเสริมเองโดยพลการ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายจากการใช้ที่ผิดวิธีหรือส่งผลให้อาการยิ่งแย่ลงได้ เช่นเดียวกันกับผู้ที่เพิ่งตรวจพบโรคเบาหวานที่จะต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์จนกว่าระดับของน้ำตาลในเลือดจะคงที่


การรักษาโรคเบาหวานด้วยวิธีทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

โรคเบาหวานเป็นโรคที่ผู้ป่วยต้องปรับเปลี่ยนการปฏิบัติตัวด้วยการรักษาน้ำหนักตัวให้คงที่ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นอาหารอุดมด้วยสารอาหารและเส้นใยอาหาร เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสีทั้งหลาย รวมถึงปรับการรับประทานอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตและของหวาน และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยในการช่วยให้ระดับน้ำตาลลดต่ำลงและเพิ่มความไวต่ออินซูลินของผู้ป่วย

นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตแล้ว การรักษาเบาหวานแต่ละชนิดก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จะต้องได้รับการรักษาด้วยการให้อินซูลิน ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดบ่อย ๆ ส่วนโรคเบาหวานชนิดที่ 2 การรักษาแรกเริ่มคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดควบคู่ไปกับการรับประทานยารักษาโรคเบาหวานหรือการให้อินซูลิน บางรายอาจต้องให้รับทั้งยารักษาและอินซูลิน

สำหรับโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์นั้น สิ่งสำคัญก็คือการรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ เพื่อลดภาวะแทรกซ้อนระหว่างการคลอด นอกจากนั้น ยังควรควบคุมการรับประทานอาหารและออกกำลังกายเช่นเดียวกัน รวมทั้งต้องคอยตรวจวัดน้ำตาลในเลือด และอาจมีการให้อินซูลินด้วยในบางกรณี


2
เวบบอร์ดโพสฟรี / มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi-Mix Fold 2 (12GB/256GB)
« เมื่อ: วันที่ 3 ธันวาคม 2024, 13:12:04 น. »
มือถือ Xiaomi เสียวหมี่ Xiaomi-Mix Fold 2 (12GB/256GB)
N/A 

เสียวหมี่ Xiaomi-Mix Fold 2 (12GB/256GB)
Xiaomi Mix Fold 2 สมาร์ตโฟนหน้าจอ 8.02 นิ้ว มาพร้อมกล้องหลัง 3 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh รองรับ Fast charging 67W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                 เสียวหมี่ Xiaomi-Mix Fold 2 (12GB/256GB)
   ราคากลาง                -
   จำนวนซิม              2 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์             จอสัมผัส
   สี                       Gold, Black
   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100)
4G(1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 18, 19, 20, 26, 28, 34, 38, 39, 40, 41, 42)
5G(1, 3, 5, 8, 20, 28, 38, 40, 41, 77, 78, 79 SA/NSA)

   ขนาด-น้ำหนัก                      ยาว 161.1 x กว้าง 73.9 x หนา 11.2 มม., น้ำหนัก 262 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)      256 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด         -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ         ความจุแบตเตอรี่ 4,500 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ                    จอสัมผัส (LTPO OLED 10-bit)
   ความละเอียด             8.02 นิ้ว, 360 ppi, 1,914 x 2,160 px
   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Android 12, MIUI Fold 13
ประมวลผลชิปเซ็ต Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1
กล้องหลัง 3 เลนส์ เลนส์หลัก 50 MP, f/1.8 + เลนส์ telephoto 8 MP, f/2.6 + เลนส์ ultrawide 13 MP, f/2.4
มีระบบเซ็นเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, color spectrum, barometer
รองรับ Fast charging 67W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                  กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (20 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                              Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)             Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)     Adreno 730
   หน่วยความจำ (RAM)                 12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก               Infrared, USB(Type-C), Bluetooth(5.2), NFC, Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac/6e, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot)
   ระบบรับส่งข้อความ                   SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต             3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                            A-GPS. Up to tri-band: GLONASS (1), BDS (3), GALILEO (2), QZSS (2), NavIC

3
เวบบอร์ดโพสฟรี / การจัดฟันเด็ก แบบแฟชั่น อันตราย
« เมื่อ: วันที่ 1 ธันวาคม 2024, 15:34:07 น. »
การจัดฟันเด็ก แบบแฟชั่น อันตราย
 
การเข้ารับการจัดฟัน ถือว่าเป็นการรักษาทางทันตกรรมที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เพราะการเข้ารับการจัดฟันสามารถ แก้ไขปัญหาการเรียงตัวของฟันผิดปกติ มีผลให้รูปปากเเละโครงหน้าดูไม่สมส่วน เช่น ฟันซ้อนเก ฟันบิดเบี้ยว ฟันยื่น ทำให้ดูปากอูม การสบฟันลึก ทันตแพทย์รักษาด้วยอุปกรณ์จัดฟันโดยทำการเคลื่อนฟันกลับไปยังตำแหน่งที่ถูกต้อง

เนื่องจากฟันแต่ละคนมีการเรียงตัวที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างฟัน ขนาดฟัน รวมถึงความสัมพันธ์ของขากรรไกรฟัน และปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุและปัญหาสำคัญที่ทำให้ความมั่นใจลดลง รวมถึงบุคลิกภาพที่ไม่ดี การจัดฟันจึงเป็นการรักษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากฟันเรียงตัวไม่เหมาะสมเพื่อให้มีฟันที่สวยงามเป็นธรรมชาติ

และต้องบอกว่า การจัดฟันนั้น ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนยอดฮิตสำหรับเด็กและวัยรุ่น จึงมีการจัดฟันที่เรียกว่า การจัดฟันแฟชั่นขึ้นมา ซึ่งต้องว่าอันตรายมาก เพราะการจัดฟันนั้นจะต้องทำโดยทันตแพทย์จัดฟันเท่านั้น ซึ่งเด็กมักจะชอบจัดฟันแฟชั่น เนื่องจากมีราคาถูก จึงทำให้หลายคนตัดสินใจผิดพลาดเข้ารับการจัดฟันแฟชั่น
อย่างไรก็ตาม การจัดฟันในเด็ก ก็ต้องทำโดยทันตแพทย์เท่านั้น ถ้าหากใครอยากเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ลองปรึกษาพ่อแม่ผู้ปกครองเพื่อที่จะพาเข้าพบทันตแพทย์จัดฟัน เพื่อเข้ารับการจัดฟัน
 
และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า การจัดฟันแฟชั่นนั้น มีอันตรายมาก แต่ก่อนอื่นเราจะมาพูดถึงการจัดฟันแฟชั่นก่อนว่า คืออะไร และมีกระบวนการติดตั้งเครื่องมืออย่างไร สำหรับการจัดฟันแฟชั่น คือ การนำเครื่องมือไปติดในช่องปากเพื่อเลียนแบบการจัดฟัน แต่ไม่ได้ใช้เครื่องมือที่มีคุณภาพและไม่ได้ผ่านขั้นตอนการจัดฟันที่ถูกต้องจากทันตแพทย์

ซึ่งการติดเหล็กจัดฟันที่ไม่ได้มาตรฐานและไม่ถูกสุขอนามัยจะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากตามมา เช่น เป็นแผลในช่องปาก ฟันผุ มีกลิ่นปาก หรือติดเชื้อ ได้ ส่วนใหญ่เด็กที่อยากจะมีเหล็กจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก เพื่อแฟชั่นก็มักจะเข้ารับการจัดฟันแฟชั่น หลายคนเลือกใช้วัสดุในการจัดฟันที่ทำขึ้นมาเลียนแบบซึ่งอาจหาซื้อได้จากร้านค้าออนไลน์

ตลาดนัด หรือคลินิกจัดฟันแฟชั่นที่ผิดกฎหมาย โดยร้านจัดฟันแฟชั่นบางแห่งอาจใช้เครื่องมือแบบติดแน่นเป็นโลหะทรงสี่เหลี่ยมที่มีร่องสำหรับใส่ลวดและคล้องยางสีต่าง ๆ คล้ายอุปกรณ์จัดฟันจริง กระทั่งใช้อุปกรณ์แบบถอดได้ที่มีลักษณะคล้ายเครื่องมือคงสภาพฟันหลังการจัดฟัน หรืออาจดัดแปลงวัสดุใช้งานทั่วไปที่ไม่ใช่อุปกรณ์ทางทันตกรรมมาใช้จัดฟัน

ซึ่งการจัดฟันแฟชั่นนั้นส่งผลต่อฟันหรือเหงือกเสียหาย เพราะอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐานอาจบาดหรือกดกระพุ้งแก้มและเหงือกจนเกิดเป็นแผลหรือแผลเรื้อรังจนเสี่ยงเป็นมะเร็งช่องปากได้ ส่วนการปรับแต่งลวดภายในช่องปากโดยผู้ที่ไม่มีความรู้ก็อาจเกิดแรงกดที่ตัวฟันมากเกินไปจนทำให้ปวดฟันมาก ฟันเคลื่อนผิดตำแหน่ง
ฟันตายจนเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ หรืออาจรุนแรงถึงขั้นรากฟันละลายและต้องถอนฟันซี่นั้นออกไป ถ้าเครื่องมือไม่สะอาดด้วยอาจจะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ รวมถึงเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ที่ติดสะสมอยู่รอบ ๆ วัสดุจัดฟันก็อาจทำให้ฟันผุติดเชื้อ เป็นโรคเหงือกอักเสบหรือมีกลิ่นปากได้
 
หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดสนใจพาบุตหลานของท่านเข้ารับการตรวจฟัน หรือเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทันตแทพย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านทันตกรรมในเด็ก รวมไปถึงมีประสบการณ์ยาวนานด้านการจัดฟัน จึงสามารถให้คำปรึกษาได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กเกิดฟันผุตั้งแต่อายุยังน้อย ลดปัญหาการเกิดความผิดปกติของช่องปากและฟัน เพื่อให้เด็กได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันหรือทำกิจกรรมต่างๆได้อย่างเต็มที่

4
งานมอเตอร์เอ็กซ์โปร์: ซูซูกิ Suzuki-XL 7 Hybrid GLX-ปี 2024
799,000 บาท  ข้อมูล ณ วันที่ 14 มิ.ย. 67  2,856

ซูซูกิ Suzuki-XL 7 Hybrid GLX-ปี 2024
 All New Suzuki XL7 HYBID GLX  รถครอสโอเวอร์ 7 ที่นั่งกับระบบ mild Hybrid เสริมพลังและประหยัดขึ้นด้วยระบบไฮบริด สมรรถนะและประหยัดขึ้นอีกนิด โดยระบบไฮบริดนี้เป็นชุดมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดเล็กในตัวเรือนเดียวกับไดชาร์จและทำหน้าที่สตาร์ทเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร เมื่อใช้ระบบ Auto Stop/Start ช่วยเสริมแรงขับเคลื่อนเครื่องยนต์อีกทางหนึ่ง ช่วยประหยัด และชาร์จไฟกลับเข้าแบตฯ ขนาด 10 Ah ด้วยในตัวเดียว

 รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์
Suzuki
ดู Suzuki ทุกรุ่นย่อย
ค้นหาโชว์รูม
   รุ่น
ซูซูกิ Suzuki-XL 7 Hybrid GLX-ปี 2024
ดู Suzuki XL 7 ทุกรุ่นย่อย
   ประเภทรถ
รถอเนกประสงค์ MPV, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว
2024
   ราคา
799,000 บาท

ดีไซน์
   ภายนอก
อุปกรณ์ชุดแต่ง
สเกิร์ต
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว
ไฟตัดหมอก
ปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟหน้า LED
ไฟท้าย LED (แบบ Light Guides)
ขนาดยางหน้า-หลัง (195/60 R16)
ไฟ Daytime Running Lights
ล้ออัลลอย (16")

   ภายใน
ปลั๊กไฟ 12 โวลท์ (2 ตำแหน่ง)
พวงมาลัยหุ้มหนัง (D-Shape)
พวงมาลัยปรับสูง-ต่ำได้
ภายในโทนสีดำ

สเปค
   เครื่องยนต์            เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร DOHC VVT 105 PS แรงบิด 138 นิวตันเมตรเพิ่มเติมระบบ Hybrid ที่เน้นการใช้งานมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ ISG เป็นการเสริมแรง (Mild Hybrid) เกียร์ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า พร้อมด้วยการใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งแบบ "ไดชาร์จ" ขับโดยระบบสายพาน ทำหน้าที่ทั้งมอเตอร์ขับเคลื่อนขนาด 1.8 kWh 2 แรงม้า แรงบิด 50 นิวตันเมตร, ชาร์จไฟฟ้าเข้าแบตเตอรี่ ขนาด 10 Am / 12 kWh

   ขนาดเครื่องยนต์ (CC)         1,462 CC
   กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)      105 แรงม้า
   ระบบเกียร์                        เกียร์ออโต้ 4AT
   รูปแบบเกียร์                     4 AT
   ระบบเบรค ABS                 มี
   ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง        เบนซิน 95, เบนซิน 91, แก๊สโซฮอล์ 95 (E10), แก๊สโซฮอล์ 91, เบนซิน E20
   ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)         45 ลิตร
   ระบบจ่ายน้ำมัน                 หัวฉีดมัลติพอยท์ MPi
   น้ำหนักตัวรถ                    1,195 กก.
   ประเภทยางรถยนต์             195/60R16
   ขนาดล้อ (นิ้ว)                  ล้ออัลลอย (16")
   ระบบขับเคลื่อน                 ขับเคลื่อนล้อหน้า

ระบบความปลอดภัยระบบความปลอดภัย

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ
ตัวถังนิรภัย
เซ็นทรัลล็อค
กุญแจรีโมท
กุญแจนิรภัย
ไฟเบรกดวงที่ 3
ระบบกระจายแรงเบรก EBD
เข็มขัดนิรภัย
พวงมาลัยยุบตัวได้
กระจกนิรภัย
คานเหล็กเสริมนิรภัย
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน
ระบบช่วยเบรกแบบแอคทีฟ
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค

5
วัดนางตะเคียน สมุทรสงคราม ไหว้ท้าวเวสสุวรรณเก่าแก่ ทำบุญ ขอโชคลาภกับยักษ์แม่ใหญ่

เที่ยวสมุทรสงคราม ไปวัดนางตะเคียน ไหว้ท้าวเวสสุวรรณ เทพศักดิ์สิทธิ์ในศาสตร์เทวะมันตรา อายุกว่า 400 ปี พร้อมสักการะขอพรพระนางสุวรรณอัปสรจอมเทวี (ยักษ์แม่ใหญ่)

สมุทรสงคราม จังหวัดเล็ก ๆ ใกล้กรุงเทพฯ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ทั้งอาหารการกิน ธรรมชาติ รวมถึงมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้ไปเยือน ทั้งวัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดจุฬามณี ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำท่าคา ดอนหอยหลอด รวมถึงคาเฟ่เก๋ ๆ บรรยากาศดี ๆ จึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่หลายคนมักไปเยือนเมื่อมีเวลา วันนี้เราเลยจะพาไปเช็กอินกับอีกหนึ่งสถานที่ไหว้พระสมุทรสงคราม นั่นก็คือ วัดนางตะเคียน วัดเก่าแก่ริมน้ำ ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้สักการะขอพรมากมาย


วัดนางตะเคียน ตั้งอยู่ที่ไหน

          วัดนางตะเคียน ตั้งอยู่ริมคลองแม่กลองและคลองนางตะเคียน ในตำบลคลองเขิน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม ห่างจากศาลากลางจังหวัดสมุทรสงครามเพียง 5 กิโลเมตร และห่างจากตลาดน้ำอัมพวาไม่เกิน 10 กิโลเมตร


ประวัติวัดนางตะเคียน

          วัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์ ฝ่ายมหานิกาย เป็นวัดโบราณที่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เดิมชื่อ วัดเทพธาราม ต่อมาเรียกว่า วัดนางตะเคียน เพราะภายในวัดมีต้นตะเคียนคู่ (ปัจจุบันตายแล้ว) และทางตะวันออกของวัดมีคลองซอยจากคลองแม่กลองตรงที่วัดไปออกคลองท่าคา อำเภออัมพวา เรียกว่าคลองนางตะเคียน ภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ได้ไหว้ขอพรหลากหลาย


สิ่งน่าสนใจในวัดนางตะเคียน

    พระนางสุวรรณอัปสรจอมเทวี (ยักษ์แม่ใหญ่)

    บริเวณริมคลองจะเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้น พระนางสุวรรณอัปสรจอมเทวี หรือที่เรียกกันว่า พระแม่ยักษ์ใหญ่ หรือ ยักษ์แม่ใหญ่ อายุกว่า 100 ปี ซึ่งเมื่อปี พ.ศ. 2551 มีชาวบ้านฝันเห็นยักษ์อยู่ในน้ำบริเวณริมคลองวัดนางตะเคียน จึงร่วมมือกันยกขึ้นมา โดยพบเพียงส่วนตัว อ้อมแขนโอบอุ้มลูกไว้ ส่วนเศียรหายไป จากนั้นมีการบริจาคทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธา จึงให้ช่างปั้นศีรษะขึ้นมาใหม่ดังเช่นปัจจุบัน ผู้คนนิยมไปขอพรยักษ์แม่ใหญ่เรื่องโชคลาภ ค้าขายร่ำรวย หน้าที่การงาน และการขอบุตร เป็นต้น

คาถาบูชาพระนางสุพรรณอัปสรจอมเทวี ยักษ์แม่ใหญ่ วัดนางตะเคียน
         (จุดธูป 9 ดอก ดอกกุหลาบ 9 ดอก)
         นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
         อิติปิโสภะคะวา พรหมมา จะมหาเทวาเวสะ
         พุทสะ สัพเพ ยักขา ปะลายันติ อิติปิโส ภะคะวา
         ยมมะราชาโน จะมหาเทวา ท้าวเวสสุวรรณโณ
         พระนางสุพรรณอัปสร จอมเทวี มะระณัง สุขัง
         อะระหัง สุขะโต อิติปิโส ภะคะวา อะภิลาภา มะ
         หาลาโภ มิเตหาหุหะติ มานี มานะ อุอากะสะ นะ
         ชาลิติ สัพภะโภคัง พุทธะสะ สะหวาโหม
         สัมปะติฉามิ พุทโธ นะโม พุทธายะ

         ทั้งนี้ การบูชาจะถวายดอกกุหลาบสีแดง ผ้าสไบ เครื่องประดับ ดอกไม้ ธูป เทียน ของเล่นเด็ก และเครื่องสำอาง เป็นต้น


ท้าวเวสสุวรรณองค์แรกของสมุทรสงคราม

    ว่ากันว่าท้าวเวสสุวรรณ ณ วัดนางตะเคียน เป็นองค์แรกในจังหวัดสมุทรสงคราม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2123 อายุ 400 กว่าปี สร้างด้วยดินตามหลักพระพุทธศาสนา ที่เชื่อว่าจะได้ธาตุหลักทั้ง 4 คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ประดิษฐานอยู่บริเวณหน้าอุโบสถหลังเก่า ชาวบ้านนิยมไปไหว้ขอพรในเรื่องต่าง ๆ ทั้งโชคลาภ เงินทอง หน้าที่การงาน และเลขเด็ด หากสมหวังมักนำตุ๊กตาไก่มาถวายเป็นเครื่องสักการะ

คาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณโณ
          นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (3 จบ)
          ปุตตะ กาโม ละเภปุตตัง ธะนะกาโมละ
          เภธะนัง อัตถิกาเย กายะยายะ เทวานัง
          ปิยะตัง สุตวา
          อิติปิโส ภะคะวา ยมมะราชาโน
          ท้าวเวสสุวรรณโณ มรณังสุขัง
          อะหัง สุคะโต นะโมพุทธายะ
          ท้าวเวสสุวรรณโณ จตุมหาราชิกา
          ยักขะพันตา ภัทภูริโต เวสสะ พุสะ
          พุทธัง อรหัง พุทโธ
          ท้าวเวสสุวรรณโณ นะโม พุทธายะ


วัดนางตะเคียน สมุทรสงคราม

    หลวงพ่อรุ่งเรือง

    พระประธานในวิหารเก่า อายุกว่า 400 ปี เป็นปางมารวิชัย ทำด้วยปูนปั้นลงรัก ปิดทอง หน้าตักกว้าง 1 เมตร สูงถึงพระโมลี 1 เมตรครึ่ง เจดีย์มุมก่ออิฐถือปูน ฐานเจดีย์เป็นสิงห์ซ้อนกัน 3 ชั้น

คาถาบูชาหลวงพ่อรุ่งเรือง
          นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
          นะมะระอะ
          ธัมมะเถโร นะโมพุทธายะ มะอะอุ

    ศาลแม่ตะเคียนทับทิมทอง

    ตั้งอยู่บริเวณริมคลอง ใกล้กับต้นพิกุลทองอายุกว่า 100 ปี โรงเก็บเรือโบราณ และลำต้นนางตะเคียนที่ตายไปแล้ว ชาวบ้านนิยมไปขอหวย เลขเด็ด โชคลาภ หรือขอพรในเรื่องค้าขาย เป็นต้น


การเดินทางไปวัดนางตะเคียน

          จากตัวเมืองสมุทรสงคราม ใช้ทางหลวงหมายเลข 3092 ผ่านแยกถนนเลี่ยงเมืองสมุทรสงคราม
มุ่งหน้าไปทางสำนักงานเกษตรจังหวัดสมุทรสงครามไม่ไกล เลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดสวนแก้วอุทยาน ตรงไปตามทางเรื่อย ๆ ก่อนขึ้นสะพานข้ามคลองแม่กลองก็จะถึงวัดนางตะเคียนแล้ว มีที่จอดรถให้บริการเยอะพอสมควร

          Google Map วัดนางตะเคียน

วัดนางตะเคียน สมุทรสงคราม

    ที่ตั้ง : หมู่ 1 ตำบลคลองเขิน อำเภอเมืองสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสงคราม
    เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน 24 ชั่วโมง
    เฟซบุ๊ก : วัดนางตะเคียน แม่กลอง สมุทรสงคราม

          วัดนางตะเคียน เป็นอีกหนึ่งสถานที่ไหว้พระใกล้กรุงเทพฯ สามารถจัดเป็นรูทเส้นทางไหว้พระสมุทรสงคราม ที่รวมวัดเพชรสมุทรวรวิหาร (วัดบ้านแหลม) วัดจุฬามณี และวัดบางกุ้ง เข้าไปได้ เพราะอยู่ในละแวกเดียวกัน

6
เวบบอร์ดโพสฟรี / บัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทย
« เมื่อ: วันที่ 27 พฤศจิกายน 2024, 19:17:05 น. »
บัตรเครดิตนิติบุคคลกสิกรไทย

    รายได้ขั้นต่า 30,000  บ./เดือน
    ดอกเบี้ย 20% ต่อปี
    ค่าธรรมเนียมแรกเข้า ฟรี !!
    ค่าธรรมเนียมรายปี ฟรี !!
    ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ย 45 วัน

จุดเด่นของบัตรเครดิต

    สิทธิประโยชน์

    คล่องตัวเรื่องการเงิน
        ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบริหารเงินสดและลดขั้นตอนด้านเอกสารในการเบิกจ่าย
        ลดขั้นตอนด้านเอกสารในการเบิกจ่าย
        ลดการสำรองเงินสดล่วงหน้า
        เบิกถอนเงินสดครอบคลุมทุกพื้นที่ ทั้งในและต่างประเทศและระบบหักบัญชีอัตโนมัติ
        ระยะเวลาปลอดดอกเบี้ยสูงสุด 45 วัน

    คุ้มค่าด้วยเงินคืน
        รับเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต 0.5% ทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตร สูงสุด 1,000 บาท ต่อบริษัทต่อรอบบัญชี

    พักผ่อนก่อนบินที่ห้องรับรองของการบินไทย
        บริการห้องรับรองพิเศษการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ 2 ครั้งต่อ/บัตร/ปี
        บริการห้องรับรองพิเศษการบินไทย ณ สนามบินภายในประเทศที่เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น 2 ครั้งต่อ/บัตร/ปี

    ความคุ้มครองทุกทริปธุรกิจ
        คุ้มครองประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางสูงสุด 8,000,000 บาท เพียงชำระค่าโดยสารผ่านบัตรเครดิตนิติบุคคล

สิทธิพิเศษ

    คุ้มค่าด้วยเงินคืน รับสิทธิ์ในการรับเงินคืนเข้าบัญชีบัตรเครดิต 0.5% ทุกครั้งที่ใช้จ่ายผ่านบัตร หมายเหตุ: สูงสุด 1,000 บาท ต่อบริษัทต่อรอบบัญชี
    พักผ่อนก่อนบินที่ห้องรับรองของการบินไทยสนามบินสุวรรณภูมิ2 ครั้ง / บัตร / ปี และสนามบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และขอนแก่น รวมทุกจังหวัด 2 ครั้ง / บัตร / ปี
    ความคุ้มครองทุกทริปธุรกิจ คุ้มครองอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง สูงสุด 8,000,000 บาท

เงื่อนไขการสมัคร
คุณสมบัติของผู้สมัคร

    อายุ 20 ปีขึ้นไป
    มีสัญชาติไทย
    ผู้สมัครจะต้องมีรายได้อย่างน้อย 30,000  บาทขึ้นไป สำหรับพนักงานประจำ และ  30,000   บาทขึ้นไป สำหรับเจ้าของกิจการ
    อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี สำหรับพนักงานประจำ และดำเนินธุรกิจมาไม่น้อยกว่า 3 ปี สำหรับเจ้าของกิจการ
    มีหมายเลขโทรศัพท์พื้นฐานและโทรศัพท์มือถือที่สามารถติดต่อได้
    ผ่านการตรวจสอบตามเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคารฯ

เอกสารประกอบการสมัคร

    สำหรับผู้มีรายได้ประจำ

    สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ
    สลิปเงินเดือน หรือ หนังสือรับรองเงินเดือน
    สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 3 เดือน หรือ 6 เดือนสำหรับ อาชีพที่มีรายได้ไม่แน่นอน
    หนังสือรับรองเงินเดือน หรือ สลิปเงินเดือน เดือนล่าสุด (ฉบับจริง)
    สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ของผู้สมัคร

    สำหรับเจ้าของกิจการ

    สำเนาบัตรประชาชน
    หนังสือรับรองบริษัท ห้างหุ้นส่วนจำกัด
    ทะเบียนการค้า หรือ หนังสือบริคณห์สนธิ (คัดสำเนาไม่เกิน 3 เดือนล่าสุดนับจากวันที่ออก)
    สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือน ของกิจการหรือของผู้กู้
    สำเนาหน้าแรกของสมุดบัญชีธนาคาร ประเภทออมทรัพย์ของผู้สมัคร


7
ซ่อมบำรุงอาคาร: แอร์ไม่เย็น มีแต่ลม แก้ไขอย่างไร   

ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของ โควิด-19 ทำให้ หลายคนต้องอยู่บ้านเวิร์คฟอร์มโฮม ทำให้ต้องอยู่บ้านนานมากขึ้นและแน่นอนว่าบ้านไหนที่มีเครื่องปรับอากาศจะต้องถูกใช้งานบ่อยมากขึ้นด้วย ทำให้ค่าไฟพุ่งสูง ซึ่งปฎิเสธไม่ได้เลยว่าการทำงานอยู่ที่บ้านนั้น ส่งผลทำให้เราต้องใช้งานเครื่องปรับอากาศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยอากาศที่ร้อนอบอ้าวในแต่ละวัน ทำให้เครื่องปรับอากาศมีความจำเป็นเป็นอย่างมาก หลายบ้านที่มีเครื่องปรับอากาศใช้ก็ต้องหนักใจกับค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟฟ้าหรือค่าบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศของเรา เพราะการทำความสะอาด แอร์ในบ้านของเรานั้นมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลรักษาความสะอาดอย่างน้อยทุกๆ 3 เดือนเพื่อให้แอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและยังดีต่อสุขภาพของคนภายในบ้านด้วย


แต่ในขณะเดียวกันการใช้เครื่องปรับอากาศบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับเครื่องปรับอากาศ เชื่อว่าหลายคนคงเคยพบเจอกับปัญหาแอร์ไม่เย็นและมีแต่ลมออกมา ทำให้รู้สึกหงุดหงิดและเสียค่าใช้จ่ายไปแบบเปล่าประโยชน์ เพราะบางคนแม้ว่าแอร์ไม่เย็นก็ยังฝืนเปิดเครื่องปรับอากาศ ซึ่งการกระทำแบบนี้จะทำให้แอร์ของเราเสื่อมสภาพหรือมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกติและต้องมาเสียค่าใช้จ่ายอีกหลายพันบาทเลยทีเดียว ดังนั้น วันนี้ทาง เราจะมาพูดถึงการแก้ไขปัญหาแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมออกมา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงความผิดปกติของแอร์ในบ้านของเรา ที่ต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน หากฝืนใช้ต่อไปแน่นอนว่าจะทำให้แอร์ของคุณพังอย่างแน่นอน

 

ปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ไม่เพียงแต่แอร์เก่าเท่านั้น บางครั้งแอร์ใหม่ที่เพิ่งซื้อมาติดตั้งแล้วใช้งานไปได้สักระยะหนึ่ง ลมที่ออกมาก็ไม่เย็นฉ่ำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้น ควรรีบตรวจสอบ และแก้ไขทันที ในเบื้องต้นเราสามารถแก้ไขได้ด้วยตนเองด้วยวิธีง่าย ๆ คือ การปรับโหมดการทำงานให้ถูกต้อง วิธีนี้เป็นวิธีเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด และทุกบ้านสามารถตรวจสอบได้ด้วยตนเองว่าขณะที่เปิดใช้งานแอร์นั้น เลือกใช้โหมดการทำงานอยู่ในโหมดใด เพราะบางครั้งการตั้งค่าโหมดการทำงานของแอร์ที่ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้เกิดปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม และ แอร์ไม่ตัด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานของแอร์ผ่านรีโมทคอนโทรล และหนึ่งในสาเหตุของปัญหา แอร์ไม่เย็นมีแต่ลม นอกเหนือจาก น้ำยาแอร์ขาด และคอมเพรสเซอร์เสีย ก็คือ แคป ซึ่งเป็นตัวเก็บประจุ เกิดความเสียหาย ลองสังเกตง่าย ๆ ว่าแคปรัน ระเบิด เสียหายหรือไม่นั่น คือ หากจับที่ตัวแคปรันแล้วมีคราบน้ำมัน หรือรู้สึกมัน ๆ ก็ให้แน่ใจได้เลยว่าเป็นเพราะแคปเกิดการเสียหาย และสาเหตุสุดท้ายคือ การไม่ล้างทำความสะอาดแอร์ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้แอร์เกิดความเสียหาย

 
โดยเฉพาะแอร์ไม่เย็นมีแต่ลมร้อน การปล่อยให้แอร์มีคราบฝุ่นเกาะฝังแน่นสะสมในปริมาณมากทั้งภายในตัวเครื่อง และตัวคอมเพรสเซอร์ โดยที่ไม่ได้ล้างแอร์เป็นระยะเวลานาน จะส่งผลให้ระบบทำความเย็นของแอร์ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แถมลมแอร์ที่ออกมายังไม่บริสุทธิ์ ส่งผลเสียต่อสุขภาพของทุกคนในครอบครัว โดยเราควรที่จะตรวจสอบคราบฝุ่นละอองสะสม โดยการถอดหน้ากากแอร์ออก แล้วดูที่แผงฟิลเตอร์ หรือแผ่นกรองอากาศบริเวณด้านหน้าก็จะเห็นคราบฝุ่น และความสกปรกที่เกาะอยู่ สามารถนำแอร์ฟิลเตอร์ไปล้าง ด้วยน้ำสะอาด และใช้แปรงถูเบา ๆ เพื่อขจัดคราบฝุ่นให้หลุดออกไป แล้วตากให้แห้ง ก็จะช่วยลดฝุ่นละอองได้ในระดับหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตาม หากไม่อยากให้เกิดปัญหาแบบนี้เกิดขึ้น ก็ควรหมั่นล้างแอร์ตามระยะเวลา เพื่อให้มีความสะอาด ยืดอายุการใช้งานของแอร์และดีต่อสุขภาพของคนในบ้านด้วย


อย่างไรก็ตาม หากคุณอยากที่จะตรวจสอบหรือเช็คระบบแอร์โดยช่างที่มีความเชี่ยวชาญ  สามารถขอรายละเอียดได้จากทางเรามีบริการดูแลระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศภายในอาคาร ระบบปรับอากาศและหมุนเวียนอากาศเป็นสิ่งจำเป็นมาก  เพราะนั่นหมายถึงอากาศที่ดีที่เราสูดดมเข้าไป ถ้าหากเรามีระบบเครื่องปรับอากาศที่ไม่สะอาดแล้ว อาจจะทำให้เราเสียสุขภาพไปด้วย

8
น้ำหนักลดผิดปกติเกิดจากอะไร แบบไหนที่ควรไปพบแพทย์

น้ำหนักลดผิดปกติเป็นอาการที่ร่างกายสูญเสียน้ำหนักตัว โดยอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ทั้งปัจจัยที่ไม่รุนแรง อย่างความเครียดหรือความวิตกกังวล หรืออาจเป็นสัญญาณแรกเริ่มของโรคบางชนิดที่ต้องได้รับการรักษา

น้ำหนักลดผิดปกติเกิดได้กับทุกคนและจะยิ่งพบได้มากในผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป โดยความรุนแรงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน หากน้ำหนักลดผิดปกติเกิดในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางสภาวะทางจิตใจ อย่างการหย่าร้างหรือสูญเสียคนใกล้ชิด


น้ำหนักที่ลดลงจะเริ่มกลับสู่ปกติเมื่อเวลาผ่านไป แต่หากน้ำหนักที่ลดลงมีจำนวนมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัวโดยรวมภายในช่วงเวลาประมาณ 6–12 เดือน ทางการแพทย์อาจประเมินว่าอาการดังกล่าวเป็นสัญญาณของโรคอื่น


สาเหตุของอาการน้ำหนักลดผิดปกติ

น้ำหนักลดผิดปกติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหรือเรื้อรังอาจมีสาเหตุมาจากโรคหรือความผิดปกติบางอย่างของร่างกาย โดยสาเหตุที่พบได้บ่อย เช่น


1. ไทรอยด์เป็นพิษ (Hyperthyroidism)

ไทรอยด์เป็นพิษหรือภาวะที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินไป ส่งผลให้ระบบเผาผลาญในร่างกายทำงานหนักขึ้นจนเกิดอาการต่าง ๆ ตามมา เช่น หัวใจเต้นเร็ว วิตกกังวล นอนหลับยาก อ่อนเพลีย มือสั่น รวมถึงน้ำหนักตัวลดลง เป็นต้น


2. กระบวนการดูดซึมสารอาหารผิดปกติ

น้ำหนักตัวที่ลดลงอาจเป็นผลมาจากโรคบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการดูดซึมสารอาหารของลำไส้ อย่างโรคเซลิแอค (Celiac Disease) โรคโครห์น (Crohn's Disease) หรือลำไส้อักเสบ โดยผู้ป่วยอาจพบอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย ปวดท้อง หรืออุจจาระปนเลือด เป็นต้น


3. โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน

โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน อย่างโรครูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (Lupus) เป็นโรคที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานผิดปกติ โดยจะไปทำลายเนื้อเยื่อหรืออวัยวะต่าง ๆ จนเกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งอาจส่งผลให้ระบบเผาผลาญหรือกระบวนดูดซึมสารอาหารในร่างกายของผู้ที่ป่วยทำงานผิดปกติจนน้ำหนักตัวลดลงตามมา


4. มะเร็ง

ผู้ป่วยโรคมะเร็งส่วนใหญ่มักมีอาการน้ำหนักลดผิดปกติ โดยอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น ผู้ป่วยเบื่ออาหาร ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานหนักขึ้น ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้น หรือเซลล์มะเร็งหลั่งสารบางชนิดที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการสร้างพลังงานของร่างกายจากอาหารที่รับประทาน เป็นต้น


5. โรคติดเชื้อ

น้ำหนักตัวลดผิดปกติอาจเป็นสัญญาณของโรคติดเชื้อบางชนิด เช่น วัณโรค เอชไอวี พยาธิปากขอ หรือโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis) เป็นต้น


6. ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด

อาการน้ำหนักลดผิดปกติอาจเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาขับปัสสาวะ ยารักษาโรคทางระบบประสาทหรือจิตเวชบางชนิด ยาเลโวไทรอกซิน (Levothyroxine) หรือยาเคมีบำบัดบางชนิด เป็นต้น


7. ภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล

สภาวะทางจิตใจ อย่างภาวะซึมเศร้าหรือความวิตกกังวล อาจส่งผลให้เกิดพฤติกรรมบางอย่างที่เป็นปัจจัยให้น้ำหนักตัวเปลี่ยนไป เช่น เบื่ออาหาร รับประทานอาหารน้อยลง ใช้สารเสพติดบางชนิดหรือบุหรี่ที่อาจส่งผลให้ความอยากอาหารลดลง เป็นต้น

นอกจากสาเหตุข้างต้น น้ำหนักลดผิดปกติอาจเกิดได้จากโรคอื่น เช่น โรคเบาหวาน โรคแอดดิสัน (Addison’s Disease) หรือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ภาวะติดสุราเรื้อรัง พฤติกรรมการกินผิดปกติ เป็นต้น


น้ำหนักลดผิดปกติแค่ไหนที่ควรไปพบแพทย์

เนื่องจากอาการน้ำหนักลดผิดปกติเกิดได้จากหลายปัจจัย หากเริ่มสังเกตเห็นว่าน้ำหนักตัวลดลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือน ทั้ง ๆ ที่ไม่มีการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกาย หรือมีอาการอื่น ๆ เกิดขึ้นร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ควรไปพบแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง

ในการวินิจฉัยอาการน้ำหนักลดผิดปกติ แพทย์จะสอบถามอาการผิดปกติที่เกิดขึ้น และอาจใช้วิธีตรวจอื่นเพิ่มเติม อย่างการตรวจเลือด เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้อง เมื่อแพทย์ทราบสาเหตุของอาการ แพทย์จะเลือกวิธีการรักษาตามสาเหตุนั้น ๆ เช่น แพทย์อาจให้ยาต้านไทรอยด์หากผู้ป่วยมีภาวะไทรอยด์เป็นพิษ หรือผู้ป่วยเป็นมะเร็ง แพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัด รังสีรักษา เคมีบำบัด หรือภูมิคุ้มกันบำบัดในการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง เป็นต้น

9
ชุดปฏิบัติธรรม ชุดแม่ชี เราเป็น โรงงานผลิตโดยตรง
ตัดเย็บปราณีต ทรงสวย เรียบหรู ดูสง่างดงาม
ผลิตจาก ผ้าฝ้ายแท้ 100% เกรดพรีเมียม

ชุดปฏิบัติธรรม ชุดขาวไปวัด ชุดแม่ชี
– ราคาแยกรายชิ้น –
ทอย้อมจากโรงงานอุตสาหกรรมชั้นดี
พร้อมส่งทุกไซส์
(กรณีสั่งตัดไซส์พิเศษ รอผลิต 7-10 วัน)
จัดส่งฟรี‼ เมื่อลูกค้าโอนชำระ
มีบริการเก็บเงินปลายทาง (+ตัวละ 10.-)

รับตัดชุดขาวไซส์ใหญ่พิเศษ
หมดกังวล หาไซส์ไม่ได้ ทางร้านเป็นโรงงานผลิตโดยตรง
สามารถสั่งตัดชุดได้ตามความต้องการ รอผลิต 7-10 วันทำการ

ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ

สัมผัสประสบการณ์ใหม่
จากผ้าฝ้ายแท้ 100%
 นุ่มสบาย ไม่ร้อน ไม่ระคายคือง
ใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ตั้งแต่การคัดสรรเนื้อผ้า
การตัดเย็บ รวมไปถึงการจัดส่งแบบปกติ
และจัดส่งเร่งด่วน (Kerry EMS Grab)

ชุดขาวปฎิบัติธรรม ชุดขาวหญิง ชุดแม่ชี คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด

ชุดปฎิบัติธรรมชาย คุณภาพ
เน้นคุณภาพใส่ใจทุกขั้นตอน ตัดเย็บงานผ้าฝ้ายคุณภาพ (cotton 100%)
สวมใส่สบาย ระบายความร้อนได้ดี ไม่อึดอัด


ร้านอริยทรัพย์ ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เบอร์มือถือ :  092-926-4142 , 063-289-5356
Facebook : ชุดขาวปฎิบัติธรรม อริยทรัพย์
Instagram : ariyasub.shop
ID Line : @ariyasub (มี@)
เว็บไซด์: https://ariyasub99.com/
สนใจตัดชุดขาวไซซ์พิเศษ ติดต่อมาได้เลยค่ะ







10
เวบบอร์ดโพสฟรี / วีโว่ vivo-X Fold+ (12GB/512GB)
« เมื่อ: วันที่ 25 พฤศจิกายน 2024, 00:23:07 น. »
วีโว่ vivo-X Fold+ (12GB/512GB)
N/A

วีโว่ vivo-X Fold+ (12GB/512GB)
Vivo X Fold+ สมาร์ตโฟนดีไซน์สวย หน้าจอขนาด 8.03 นิ้ว มาพร้อมกล้องหลัง 4 เลนส์ ความจุแบตเตอรี่ 4,730 mAh รองรับ Fast charging 80W

รายละเอียดเบื้องต้น
   ยี่ห้อ-รุ่น                วีโว่ vivo-X Fold+ (12GB/512GB)
   ราคากลาง               -
   จำนวนซิม             1 ซิม (Nano Sim)
   แบบดีไซน์             จอสัมผัส
   สี                       Black, Blue, Red
   ความถี่-เครือข่าย
2G(GSM 850 / 900 / 1800 / 1900)
3G(HSDPA 800 / 850 / 900 / 1700(AWS) / 1900 / 2100)
4G(1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 12, 17, 18, 19, 20, 25, 26, 28, 32, 66)
5G(1, 2, 3, 5, 7, 8, 12, 20, 28, 66, 38, 40, 41, 77, 78, 79 SA/NSA)

   ขนาด-น้ำหนัก                   ยาว 162 x กว้าง 74.5 x หนา 14.6 มม., น้ำหนัก 311 กรัม
   ความจุข้อมูลภายใน (ROM)   512 GB
   ความจุข้อมูลภายนอกสูงสุด      -
   แบตเตอรี่ และระบบชาร์จ        ความจุแบตเตอรี่ 4,730 mAh

จอแสดงผล
   ชนิดจอ              จอสัมผัส (Foldable LTPO AMOLED)
   ความละเอียด       8.03 นิ้ว, 360 ppi, 1,916 x 2,160 px
   รายละเอียดอื่น
ระบบปฏิบัติการ Android 12, Origin OS Ocean
ประมวลผลชิปเซ็ต Qualcomm SM8475 Snapdragon 8+ Gen 1
กล้องหลัง 4 เลนส์ เลนส์หลัก 50 MP, f/1.8 + เลนส์ periscope telephoto 8 MP, f/3.4 + เลนส์ telephoto 12 MP, f/2.0 + เลนส์ ultrawide 48 MP, f/2.2
มีระบบเซนเซอร์ Fingerprint (under display, optical), accelerometer, gyro, proximity, compass, barometer
รองรับ Fast charging 80W

กล้องถ่ายรูป
   ขนาด-ความละเอียด                   กล้องหลัง (50 Mpx), กล้องหน้า (16 Mpx)
   ความละเอียดของภาพภ่ายสูงสุด
   คุณสมบัติ                                Auto Focus, Flash

ระบบปฏิบัติการ
   หน่วยประมวลผล (CPU)               Octa-core
   หน่วยประมวลผลกราฟิก (GPU)       Adreno 730
   หน่วยความจำ (RAM)                  12.0 GB
   ระบบเชื่อมต่อภายนอก                   Bluetooth(5.2), Wi-Fi(802.11 a/b/g/n/ac/6)
   ระบบรับส่งข้อความ                      SMS, MMS, EMAIL
   การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต                3G, GPRS, EDGE, WiFi, 4G, 5G
   ระบบ GPS                                GPS, GLONASS, BDS, GALILEO, QZSS, NavIC

11
จัดฟันเด็ก: ระวัง “นอนกรน” ส่งผลกับชีวิต EF Line ช่วยได้

เชื่อว่าหลายๆ ท่านคงเคยประสบปัญหาการนอนกรน หรือคนรอบข้างนอนกรนกันมาบ้างไม่มากก็น้อย หลายๆท่านมองว่าการนอนกรนแค่สร้างปัญหารำคาญให้คนรอบข้างในขณะหลับเท่านั้น แต่ความเป็นจริงแล้ว จากการศึกษาวิจัยการนอนกรนอาจจะมีภาวะที่เรียกว่าหยุดหายใจชั่วขณะร่วมด้วยส่งผลให้สมองขาดออกซิเจน และหากว่ามีอาการที่หนักกว่านี้อาจจะส่งผลถึงชีวิตได้

ในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับต้นเหตุและความอันตรายของการนอนกรน รวมถึงวิธีการแก้ปัญหาด้วย EF Line นวัตกรรมสุดทันสมัย ที่ครอบคลุมเรื่องการจัดฟันเด็กเล็ก ปรับเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า รวมถึงช่วยแก้ปัญหาอาการนอนกรนของท่านได้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

การนอนกรนเกิดจากอะไร ?

อาการนอนกรน เกิดขึ้นในขณะหลับเนื่องจากว่ากล้ามเนื้อคอเกิดการผ่อนคลายและหย่อนตัวลง ส่งผลให้ทางเดินหายใจแคบลง เมื่ออากาศผ่านจึงเกิดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อคอ เช่น ทอนซิล ลิ้นไก่ เพดานอ่อน เป็นต้น ซึ่งการสั่นดังกล่าวนั่นเองที่ทำให้เกิดเสียงดัง ที่เรียกว่า “กรน”

นอกจากการเกิดภาวะการกรนตามธรรมชาติแล้ว ยังเกิดขึ้นจากอาการป่วยที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจด้วย เช่น ต่อมทอนซิลอักเสบ ผู้ป่วยโรคอ้วน การมีเนื้องอกหรือถุงน้ำของระบบทางเดินหายใจส่วนบน การนอนกรนก็ถือว่าเป็นสัญญาณของโรคเหล่านี้ด้วยเช่นกัน


อุปกรณ์ทันตกรรม EF Line ช่วยให้หายนอนกรน

เชื่อว่าหลายๆ ท่านอาจจะรู้จักกับชุดเครื่องมือทางทันตกรรม EF Line กันมาบ้างแล้ว แต่หลายๆท่านอาจจะทราบเพียงแค่ว่า อุปกรณ์ตัวนี้มีหน้าที่ในการช่วยจัดฟันที่ผิดปกติของเด็กเล็กวัยตั้งแต่ 4 ขวบ เพื่อให้กลับมาเป็นปกติและไม่มีปัญหาตามมาอีก รวมถึงปรับโครงสร้างส่วนกระดูกขากรรไกรให้เข้าที่เพื่อช่วยให้ใบหน้าที่ผิดรูปเข้าทรงตามปกติ แต่รู้หรือไม่ว่า อาการนอนกรน EF Line ก็สามารถช่วยได้ เนื่องจากว่าการนอนกรนส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากการที่มีตำแหน่งลิ้นผิดปกติ รวมถึงขากรรไกรที่ไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่ง EF Line สามารถปรับส่วนต่างๆเหล่านี้ให้สมดุล เป็นธรรมชาติมากที่สุดโดยที่ไม่เป็นอันตรายแต่อย่างใด เพราะ EF Line จะค่อยๆปรับส่วนต่างๆทีละนิดไม่ใช่การเร่งรีบในการดัดจึงไม่มีอันตรายหากใช้อุปกรณ์ทางทันตกรรมชนิดนี้ แถมยังส่งผลดีต่อโครงสร้างใบหน้าอีกด้วย


วิธีใช้ EF Line ช่วยแก้ไขอาการนอนกรนทำอย่างไร ?

ในช่วงแรกต้องขอบอกว่าอาจจะไม่เคยชินในการใส่อุปกรณ์ทางทันตกรรม EF Line อาจจะมีการเคืองบ้างเล็กน้อย แต่ในขณะที่กำลังหลับให้พยายามใส่ให้ติดปาก โดยใส่ขณะที่นอนหลับนั้นจะใช้เวลาในการใส่อยู่ที่ 10 ชั่วโมง เพื่อปรับการวางลิ้นและขากรรไกรให้เข้าที่ ท่านก็จะเลิกอาการนอนกรนได้ในเวลาไม่นาน

เผย 6 วิธีลดอาการนอนกรน ?

1.    ควบคุมน้ำหนัก

ต้องขอบอกเลยว่าความอ้วนถือว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักๆ ของการนอนกรน เนื่องจากช่องทางเดินหายใจบริเวณคอถูกบีบให้เล็กลงด้วยชั้นไขมันสะสม รวมถึงไขมันในส่วนของหน้าอกและท้องก็ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ร่างกายต้องทำการหายใจหนักขึ้น


2.    ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอจะช่วยให้ช่องเนื้อทางเกินหายใจดึงรั้งและมีความแข็งแรงขึ้น เนื้อเยื่อในลำคอจะไม่หย่อนมากในขณะหลับ


3.    จัดท่านอนให้ดี

พยายามนอนตะแคงงอข้อศอกให้ชิดลำคอ เพื่อเป็นการให้ข้างมือยันคางไว้เพื่อเป็นการปิดปากไปในตัว หรือนอนหนุนหมอนข้างไว้เพื่อไม่ให้เกิดการพลิกตัว ก็จะช่วยให้ท่านหายจากการนอนกรนได้


4.    ยกศีรษะให้สูง

หากว่าการนอนตะแคงไม่สามารถทำได้ให้ลองวิธีการนอนหงาย และใช้หมอนใบเล็กๆสอดไว้ใต้ลำคอด้านบน จะช่วยให้ลิ้นไม่หย่อนลงลำคอ การหายใจจะสะดวกขึ้น สามารถลดอาการนอนกรนได้


5.    ทำที่นอนให้สะอาดอยู่เสมอ

ที่ต้องทำที่นอนให้สะอาดส่วนหนึ่งเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรคภูมิแพ้ หรือหอบหืด ซึ่งเกิดจากไรฝุ่น โรคเหล่านี้เป็นต้นเหตุสำคัญของการนอนกรนด้วยเช่นกัน


6.    ทำจมูกให้สะอาดก่อนนอน

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปิดกั้นการหายใจ หรือทำให้หายใจไม่สะดวก คือปัจจัยสำคัญในการนอนกรน ซึ่งในขณะที่กำลังจะนอนให้ทำการทำความสะอาดโพรงจมูกให้สะอาด ก็จะสามารถช่วยไม่ให้นอนกรนได้อีกทางหนึ่ง

ดังที่กล่าวมานั้นการนอนกรนถือว่าอันตรายกับชีวิตของท่านเอง และสร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างอีกด้วย หากว่าใช้ทั้ง 6 วิธีที่กล่าวมาแล้วยังไม่ได้ผล แนะนำปรึกษาทันตแพทย์เพื่อใช้อุปกรณ์ EF Line จะสามารถช่วยท่านได้

12
ขายรถราคาพิเศษ Volvo EX30 Ultra Twin Motor Performance พร้อมประกันภัยชั้น 1

วอลโว่ Volvo EX30 Ultra Twin Motor Performance ปี 2023
Volvo EX30 CORE Ultra Twin Motor Performance รถพรีเมี่ยม SUV ขนาดเล็กที่สร้างคาร์บอนฟุตพรินท์ (carbon footprint) น้อยที่สุดที่เคยมีมา ผ่านเทคโนโลยีและดีไซน์การออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียนเพื่อมอบความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และความเพลิดเพลินในการขับขี่ที่มากขึ้นแก่ผู้ใช้งานวอลโว่ ขับเคลื่อนโดยมอเตอร์ไฟฟฟ้าและแบตเตอรี่ NMC ให้พลังการขับเคลื่อนสูงสุด 428 แรงม้า จึงให้อัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ทำให้ Volvo EX30 มีอัตราการเร่งเร็วที่สุดในรถวอลโว่ที่เคยมีมา นอกจากนี้ยังรองรับกำลังการชาร์จได้ที่ 153kW จึงใช้เวลาการชาร์จจาก 10 - 80% ในเวลาราว 25 นาที

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 13 ก.ย. - 30 พ.ย. 2567
รับส่วนลดเพิ่มอีก 5,000 บาท เมื่อแจ้งว่าติดต่อจาก CheckRaka
ประกันภัยชั้น 1 + กล้อง DVR + MW

ราคาพิเศษ 1,490,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น
   แบรนด์                 Volvo
   รุ่น                     วอลโว่ Volvo EX30 Ultra Twin Motor Performance ปี 2023
   ประเภทรถ            รถอเนกประสงค์ SUV, Electric - EV
   ปีที่เปิดตัว            2023


13
เวบบอร์ดโพสฟรี / คอนโดติดรถไฟฟ้า วิลล์ 168 บางหว้า (Ville 168 Bangwa)
« เมื่อ: วันที่ 23 พฤศจิกายน 2024, 15:57:38 น. »
คอนโดติดรถไฟฟ้า วิลล์ 168 บางหว้า (Ville 168 Bangwa)
เริ่มต้น 1.59 ลบ. 

วิลล์ 168 บางหว้า (Ville 168 Bangwa)
เตรียมพบคอนโดโครงการใหม่ 3 นาทีถึง BTS บางหว้า เร็วๆ นี้
 รายละเอียดโครงการ
 ชื่อโครงการ           วิลล์ 168 บางหว้า (Ville 168 Bangwa)
 เจ้าของโครงการ      ลุมพินี-LPN ดีเวลลอปเมนท์
 ราคา                  เริ่มต้น 1.59 ลบ.

 ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม.     โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ลักษณะทำเล            คอนโดใกล้ขนส่งสาธารณะ
 ความสูงคอนโด          Low Rise (ไม่เกิน 8 ชั้น)
 ลักษณะกรรมสิทธิ์        โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 ประเภทห้องที่มี         สตูดิโอ, 1 ห้องนอน
 ขนาดห้องที่มี           ตั้งแต่ 25.50 ถึง 35.00 ตร.ม.
 เนื้อที่ทั้งหมด           9 ไร่ 1 งาน 33 ตร.ว.
 จำนวนตึก              4 อาคาร
 จำนวนชั้น             8 ชั้น
 จำนวนห้อง            875 ยูนิต
 ที่จอดรถทั้งหมด      ประมาณ 281 คัน
 ค่าบำรุงส่วนกลาง    โปรดสอบถามข้อมูลกับทางโครงการ
 สาธารณูปโภค        สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, อื่นๆ (ห้องกิจกรรม, ลานพักผ่อน, ลู่วิ่งออกกำลังกาย), สวนหย่อม

 สถานที่ใกล้เคียง
 โซน         บางแค, ตลิ่งชัน, ทวีวัฒนา, ภาษีเจริญ
 ที่ตั้ง        ซอยเพชรเกษม 36 แยก1 ถนนเพชรเกษม แขวงบางจาก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร

 ขนส่งสาธารณะ
รถไฟฟ้า:      ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีเขียวอ่อน, สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ - บางหว้า(บางหว้า), ใกล้รถไฟฟ้า, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน, สถานี(หัวลำโพง - บางแค)(บางหว้า)

 สถานที่สำคัญใกล้เคียง
ตลาดชัยฉิมพลี
ตลาดสดบางแค
Lotus บางแค
The Mall บางแค
ซีคอน บางแค
มหาวิทยาลัยสยาม
โรงเรียนจันทร์ประดิษฐารามวิทยาคม
โรงเรียนเซนต์ปีเตอร์ ธนบุรี
โรงพยาบาลพญาไท 3
โรงพยาบาลเพชรเกษม 2
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ บางแค

14
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/



15
เวบบอร์ดโพสฟรี / หมอประจำบ้าน: โปลิโอ (Poliomyelitis)
« เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2024, 15:22:16 น. »
หมอประจำบ้าน: โปลิโอ (Poliomyelitis)

โปลิโอ (Poliomyelitis) เป็นโรคติดต่อที่สามารถทำให้เกิดอาการร้ายแรง สาเหตุของโรคเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งอาจไปทำลายระบบประสาทจนส่งผลให้ผู้ติดเชื้อมีภาวะอัมพาต หายใจลำบาก หรือถึงแก่ความตายได้ โดยส่วนใหญ่เชื้อโปลิโอจะแพร่กระจายจากคนไปสู่คนผ่านการรับเชื้อที่ถูกขับถ่ายออกมาพร้อมกับอุจจาระเข้าสู่ทางปาก

ประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยโรคโปลิโอตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แต่เด็กทุกคนยังคงต้องได้รับวัคซีนป้องกันโปลิโอ เนื่องจากโปลิโออาจทำให้เป็นอัมพาต หรือร้ายแรงถึงชีวิต และปัจจุบันประเทศไทยยังเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคจากต่างประเทศ ทั้งจากเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ธรรมชาติ และเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์


สาเหตุของโรคโปลิโอ

โรคโปลิโอเกิดจากไวรัสโปลิโอเชื้อสายพันธุ์ธรรมชาติ (Wild-type Poliovirus: WPV) มี 3 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 1, 2 และ 3 ที่จะอาศัยอยู่แต่ภายในร่างกายของมนุษย์เท่านั้น โดยไวรัสชนิดนี้ติดออกมากับอุจจาระของผู้ป่วยที่ติดเชื้อโปลิโอ การสัมผัสกับผู้ป่วยโรคนี้โดยตรง หรือเมื่อไอ จาม และแพร่กระจายผ่านการสัมผัสเชื้อที่ปนเปื้อนมาในอาหารหรือน้ำที่รับประทานเข้าไป

ไวรัสโปลิโอจะเดินทางเข้าไปภายในปาก ผ่านลำคอ ลำไส้ แล้วจึงเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น หรือในบางกรณียังสามารถเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปยังระบบประสาทในที่สุด โดยสามารถแพร่กระจายจากผู้ป่วยตั้งแต่ก่อนเริ่มแสดงอาการไปจนถึงหลายสัปดาห์ถัดไป ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการใด ๆ ปรากฏเลยก็ยังสามารถเป็นพาหะแพร่เชื้อโปลิโอได้

นอกจากนี้ มีเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ (VDPVs) ซึ่งสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนได้เหมือนสายพันธุ์ธรรมชาติ โดยเฉพาะคนที่ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโปลิโอ ซึ่งยังพบในหลายประเทศที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับประเทศไทย เช่น เมียนมา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ การให้วัคซีนจึงเป็นวิธีช่วยป้องกันโรคโปลิโอที่มีประสิทธิภาพ แม้ในประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโรคนี้แล้วก็ตาม

โปลิโอพบบ่อยในเด็กที่อายุน้อยกว่า 5 ปี แต่ก็อาจพบได้ในผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโปลิโอ และมีภาวะต่อไปนี้

    หญิงตั้งครรภ์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
    เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือเพิ่งเกิดการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้
    เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอ
    ทำงานในห้องปฏิบัติการที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส
    ผู้ที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
    มีความเครียดมากเกิน หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหนักหลังมีการสัมผัสกับไวรัส ซึ่งจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันแย่ลง

อาการโรคโปลิโอ

ผู้ติดเชื้อไวรัสโปลิโอประมาณ 70–95% มักไม่มีอาการใด ๆ แต่ผู้ป่วยที่มีอาการสามารถแบ่งกลุ่มตามอาการที่ปรากฏได้ดังนี้
1. กลุ่มไม่แสดงอาการหรือมีอาการคล้ายโรคหวัด (Abortive Polio)

ผู้ป่วยกลุ่มนี้จะแสดงอาการเล็กน้อยคล้ายอาการหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ ผู้ป่วยบางคนอาจเริ่มมีอาการหลังได้รับเชื้อประมาณ 3–7 วัน และอาจมีอาการอยู่เพียง 2–3 วัน โดยร่างกายสามารถต่อสู้และกำจัดเชื้อออกไป เช่น

    มีไข้
    ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว
    เจ็บคอ
    ปวดท้อง เบื่ออาหาร
    คลื่นไส้ อาเจียน

2. กลุ่มอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Nonparalytic Polio)

ผู้ป่วยจะมีอาการคล้ายโรคหวัด ร่วมกับอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากไวรัส โดยอาจมีอาการประมาณ 3–21 วัน โดยนอกจากมีอาการคล้ายไข้หวัด อาจแสดงอาการต่อไปนี้

    คอแข็ง
    รู้สึกชาหรือปวดแปลบเหมือนมีเข็มทิ่มที่แขนและขา
    กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
    ไวต่อแสง

3. กลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Paralytic Polio)

การติดเชื้อโปลิโอชนิดนี้พบได้น้อย โดยสามารถแบ่งได้เป็นหลายประเภทขึ้นอยู่กับส่วนของร่างกายที่ได้รับผลกระทบ เช่น โปลิโอไขสันหลัง (Spinal Polio) โปลิโอก้านสมองส่วนท้าย (Bulbar Polio) หรือชนิดที่เกิดขึ้นพร้อมกันอย่างโปลิโอไขสันหลังและก้านสมองส่วนท้าย (Bulbospinal Polio)

อาการเบื้องต้นของโรคโปลิโอในกลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมักปรากฏในลักษณะคล้ายโปลิโอกลุ่มเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้ เป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มแสดงอาการรุนแรงกว่า ดังนี้

    สูญเสียการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ
    กล้ามเนื้อหดเกร็งหรือเจ็บปวดอย่างรุนแรง
    กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงแบบปวกเปียก บางครั้งมีอาการแย่ลงเพียงข้างใดข้างหนึ่ง
    ภาวะอัมพาตเฉียบพลันที่อาจเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือถาวร
    บางคนอาจมีปัญหาด้านการหายใจ การพูด และการกลืนอาหาร

ทั้งนี้ อาการของโรคในผู้ป่วยกลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงมักไม่พัฒนาเป็นภาวะอัมพาตอย่างถาวร แต่กรณีที่ไวรัสจะเข้าจู่โจมกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ช่วยในการหายใจ อาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่พบในเด็กหรือผู้ที่เป็นโปลิโอก้านสมองส่วนท้าย


4. อาการหลังเกิดโรคโปลิโอ (Post-polio Syndrome)

อาการกลุ่มนี้เป็นอาการที่อาจกลับมาเกิดขึ้นกับผู้ที่เคยติดเชื้อโปลิโอไปแล้วหลายสิบปี บางคนอาจเพิ่งมีอาการนี้หลังจากเวลาผ่านไปนานถึง 30–40 ปี โดยอาจมีอาการต่าง ๆ เช่น

    กล้ามเนื้อหรือข้อต่ออ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
    กล้ามเนื้อหดตัวหรือลีบลง
    อ่อนเพลียหรือเหนื่อยล้าหลังการทำกิจกรรมเล็กน้อย
    มีปัญหาในการกลืนหรือหายใจ
    ความผิดปกติของการหายใจที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับ เช่น ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
    อดทนต่ออากาศหนาวได้น้อยลง

อาการโรคโปลิโอที่ควรไปพบแพทย์

เนื่องจากอาการโปลิโออาจคล้ายไข้หวัดใหญ่ จึงทำให้สังเกตได้ยาก หากพบว่าอาการไข้หวัดไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการอื่น ๆ  ที่บ่งชี้โรคโปลิโอร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย ส่วนผู้ที่เคยเป็นโรคโปลิโอมาก่อน หากกลับมามีอาการโปลิโอซ้ำ หรือมีอาการผิดปกติที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ควรไปพบแพทย์เช่นกัน


การวินิจฉัยโรคโปลิโอ

แพทย์จะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการสอบถามอาการ และตรวจร่างกายเบื้องต้นว่ามีอาการคอแข็งหรือไม่ มีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือไม่ ตรวจดูปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย และภาวะอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ

แพทย์อาจตรวจเพิ่มเติมด้วยการตรวจหาเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากลำคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยตัวอย่างสารคัดหลั่งในลำคอจะตรวจหาเชื้อเจอเฉพาะในช่วงสัปดาห์แรกที่มีอาการเท่านั้น ส่วนการเจาะน้ำไขสันหลังจะช่วยตัดสาเหตุของโรคระบบประสาทอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป

การรักษาโรคโปลิโอ

ปัจจุบันโรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แพทย์สามารถให้การดูแลรักษาผู้ป่วยตามอาการ เร่งการฟื้นตัวและป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้เท่านั้น

อาการหลังการรักษาโรคโปลิโอจะดีขึ้นมากน้อยเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหายที่ร่างกายได้รับจากการติดเชื้อไวรัส ผู้ป่วยบางรายที่มีอาการเพียงเล็กน้อยอาจมีผลการรักษาที่ดี แต่กรณีที่เกิดปัญหาระยะยาวจากการติดเชื้อโปลิโอ ผู้ป่วยอาจต้องรับการรักษาและการดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีรักษาโรคโปลิโอ มีดังนี้

    ให้ผู้ป่วยนอนพักผ่อน
    รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
    ประคบร้อน และใช้ยา เช่น ไอบูโพรเฟน เพื่อบรรเทาอาการปวด
    ออกกำลังกายเบา ๆ และทำกายภาพบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อป้องกันไม่ให้กล้ามเนื้อสูญเสียการทำงานและผิดรูปร่างไป และแก้ปัญหาเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว
    ใช้อุปกรณ์ เช่น เฝือก หรืออุปกรณ์ช่วยพยุงแขนขาที่อ่อนแรง
    บางรายที่มีปัญหาด้านการหายใจ อาจต้องใช้เครื่องช่วยหายใจร่วมด้วย


ภาวะแทรกซ้อนของโรคโปลิโอ

โรคโปลิโออาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังต่อไปนี้

    ภาวะอัมพาตถาวร
    อาการเจ็บปวดเรื้อรัง
    กล้ามเนื้อหดสั้น (Muscle Shortening) ซึ่งอาจทำให้ข้อต่อและกระดูกผิดรูป
    เกิดกลุ่มอาการหลังเกิดโปลิโอ

การป้องกันโรคโปลิโอ

การป้องกันโปลิโอแบ่งเป็น 2 วิธี คือ


การฉีดวัคซีน

โรคโปลิโอป้องกันได้ด้วยการรับวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน โดยมีทั้งชนิดหยอด (Oral Polio Vaccine: OPV) และชนิดฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine (IPV) ซึ่งเดิมประเทศไทยใช้วัคซีนแบบหยอดชนิด 3 สายพันธ์ุ (tOPV)

แต่ในปี พ.ศ. 2559 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศยกเลิกใช้วัคซีนโปลิโอแบบหยอดชนิด 3 สายพันธ์ุ เนื่องจากในวัคซีนนี้มีไวรัสโปลิโอชนิดหนึ่งที่มักพบว่ามีการกลายพันธุ์ จึงเปลี่ยนมาใช้วัคซีนชนิดฉีด (IPV) จำนวน 1 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 4 เดือน ร่วมกับรับวัคซีนหยอดชนิด 2 สายพันธ์ุ (bOPV) จำนวน 5 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 2 เดือน 4 เดือน 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปีตามลำดับ

อย่างไรก็ดี แม้ประเทศไทยจะไม่พบผู้ป่วยโปลิโอมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 แต่ยังคงมีความเสี่ยงสูงที่เชื้อโปลิโอจะแพร่ระบาดเข้ามาในประเทศได้ ในปี พ.ศ. 2566 กระทรวงสาธารณสุขจึงเริ่มนำร่องการให้วัคซีนชนิดฉีด IPV เป็น 2 เข็ม เพื่อรองรับการระบาดของโปลิโอจากสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ โดยแนะนำให้เด็กฉีดวัคซีนสูตร 2 IPV + 3 OPV ดังนี้

    ให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดฉีด (IPV) จำนวน 2 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 2 เดือน และ 4 เดือน
    ให้วัคซีนป้องกันโรคโปลิโอชนิดรับประทาน (OPV) จำนวน 3 ครั้ง เมื่อเด็กอายุ 6 เดือน 1 ปี 6 เดือน และ 4 ปี

นอกจากนี้ ควรรับวัคซีนกระตุ้นเมื่อต้องเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่กระจายของโรค รวมถึงในกรณีที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบ


การรักษาสุขอนามัย

นอกจากการฉีดวัคซีน การป้องกันและยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยรักษาสุขอนามัย เช่น

    ควรล้างมือด้วยสบู่และน้ำ หรือแอลกฮอล์ล้างมือก่อนรับประทานอาหารเป็นประจำ และล้างมือหลังจากเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
    รับประทานแต่อาหารที่ปรุงสุกใหม่ ๆ ถูกสุขลักษณะ และดื่มน้ำสะอาด
    หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิด หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่มีอาการไข้หวัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อ

หน้า: [1] 2 3 ... 17






















































รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ทำ SEO ติด Google
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี

รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ

smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า